วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร

คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดสอนครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน 2511 ศาสตราจารย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ก่อตั้งคณะอักษรศาสตร์ขึ้นเป็นคณะวิชาลำดับที่ 5 ของมหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นคณะวิชาแรกของมหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ โดยได้กำเนิดขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ โดยเป็นหนึ่งในสองคณะอักษรศาสตร์ของประเทศไทยร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต (อ.บ.) Bachelor of Arts (B.A.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 15 สาขาวิชาเอก ในปัจจุบันคณะอักษรศาสตร์เปิดสอนหลักสูตรทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก

รายนามภาควิชาที่เปิดสอน
ภาควิชาภาษาไทย
ภาควิชาภาษาอังกฤษ
ภาควิชาภาษาฝรั่งเศส
ภาควิชาภาษาเยอรมัน
ภาควิชาประวัติศาสตร์
ภาควิชาภูมิศาสตร์
ภาควิชานาฏยสังคีต
สาขาวิชานาฏศาสตร์
สาขาวิชาสังคีตศิลป์
ภาควิชาปรัชญา
ภาควิชาสังคมศาสตร์
สาขาวิชาสังคมศาสตร์การพัฒนา
สาขาวิชารัฐศาสตร์
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์
ภาควิชาภาษาปัจจุบันตะวันออก
สาขาวิชาภาษาจีน
สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น
สาขาวิชาภาษาอาหรับ
สาขาวิชาภาษาเกาหลี
หมวดวิชาทัศนศิลป์
หมวดวิชาตันติภาษา
โครงการพิเศษ
เอเชียศึกษา

คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร

คณะมัณฑนศิลป์ เปิดสอนในหลักสูตรศิลปบัณฑิต (ศป.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 6 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาการออกแบบภายใน,สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์,สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์,สาขาวิชาประยุกตศิลปศึกษา,สาขาวิชาเครื่องเคลือบดินเผา,สาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับ และหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่อง 2 ปี ใน สาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย โดยจัดการเรียนการสอนใน 7 ภาควิชา ได้แก่

ภาควิชาออกแบบตกแต่งภายใน
ภาควิชาการออกแบบตกแต่ง เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่ง ภายในอาคารที่พักอาศัยและ อาคารเพื่อธุรกิจต่างๆ ศึกษาโครงสร้างอาคาร เทคนิคในการก่อสร้าง การจัด เนื้อที่ใช้สอย การออกแบบ และการจัดวางเครื่องเรือน ศึกษา ศิลปะการตกแต่ง ทั้งที่เป็นลักษณะศิลปกรรมไทย และแนวนิยมทางตะวันออก และตะวันตก รวมถึงมีความสามารถในการบริหาร งานออกแบบ และเข้าใจในเรื่องการตลาด การประมาณราคา และหลักการ ดำเนินการออกแบบตกแต่ง


ภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์
ภาควิชาออกแบบนิเทศศิลป์ เรียนรู้ทักษะด้านการออกแบบด้านการสื่อสารรอบตัวที่มองเห็นด้วยสายตา ไม่ว่าจะเป็นเชิงการออกแบบวัฒนธรรมหรือการออกแบบการสื่อสารต่างๆที่ต้องการการออกแบบเพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์ที่สุดผ่านแนวความคิด ส่วนที่เห็นปกติก็พวกออกแบบเลขนศิลป์สิ่งพิมพ์.อย่างเช่น โปสเตอร์ หนังสือ มากมายลองมองรอบตัวแล้วจะพบว่าออกแบบนิเทศศิลป์มีอยู่ทุกแห่ง การออกแบบเลขนศิลป์สิ่งแวดล้อมอย่างเช่น พวกป้ายตามท้องถนน ป้ายสุขา หรือตามงานอีเว้น เลขนศิลป์ของภาพนิ่ง ภาพยนตร์ วีดีโอ การสร้างภาพประกอบ และการออกแบบโฆษณา ประยุกต์ใช้ศิลปะให้สอดคล้องกับเทคนิควิทยาทางการออกแบบ มีหลักและวิธีการต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจการออกแบบนิเทศศิลป์


ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์
ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ความรู้พื้นฐานในศิลปะ เทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคม วัสดุและกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม การวิจัยและ พัฒนาผลิตภัณฑ์ การทำหุ่นจำลอง และการนำเสนอแบบ พฤติกรรมผู้บริโภคและการตลาด การประมาณราคาและการจัดการ รวมทั้งการออกแบบอื่นๆเช่นการออกแบบหีบห่อและเลขนศิลป์ การออกแบบงานพลาสติก และ งานโลหะ


ภาควิชาประยุกตศิลปศึกษา
การออกแบบสร้างสรรค์ศิลปประยุกต์ ประติมากรรมประยุกต์ ภาพพิมพ์ประยุกต์ ศิลปะไทย ประเพณี และศิลปสิ่งทอ และให้รู้จักคิด วิเคราะห์ คือเน้นไปในทางงานส้รางสรรค์และการออกแบบ ประยุกต์นั้นเป็นภาควิชาเดียวที่นำงานศิลปะที่ผ่านกระบวนการคิดและดัดแปลงให้ดูสวยงานและดูมีคุณค่าเพิ่มขึ้น คือจะเน้นไปในทาง ART หรือไปในทางสร้างสรรค์ก็ได้ประยุกต์นั้นจะแบ้งออกเป็น5เอกด้วยคือ Applied Painting,จะเป็นการวาดภาพที่เน้นไปในเชิงFine Art หรือในเชิงการวาด แบบป็อปArt ก็ได้งานเพ้นมีหลายแบบด้วยกัน ,Applied Sculpture ,Applied Print, Making Applied ,Applied Thai Art,Textile Art


ภาควิชาเครื่องเคลือบดินเผา
ศึกษาการปั้น การสร้างพิมพ์ และการหล่อ เทคนิคการตกแต่ง การออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา ผลิตเครื่องเคลือบดินเผา รวมถึงการจัดและบริหารงานอุตสาหกรรมและการตลาด ในธุรกิจเครื่องเคลือบดินเผา


ภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ
ศึกษาการออกแบบ โดยอาศัยความรอบรู้ด้านสุนทรียศาสตร์ ศิลปศาสตร์การออกแบบ ศิลปวัฒนธรรม และเครื่องประดับของไทย รวมถึงเศรษฐกิจ สังคม การตลาด การจัดการ เทคโนโลยี จรรยาบรรณที่ดีงาม


ภาควิชาออกแบบเครื่องแต่งกาย
เปิดสอนสาขาการออกแบบเครื่องแต่งกาย เพื่อให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถในการออกแบบ โดยอาศัยความรอบรู้ด้านสุนทรียศาสตร์ ศิลปศาสตร์การออกแบบ ศิลปวัฒนธรรม และเครื่องแต่งกายของไทย


หอศิลปะและการออกแบบคณะมัณฑนศิลป์
หอศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ ปรับปรุงมาจากห้องปฏิบัติงานปั้น สิ่งทอ และวิชาพื้นฐานศิลปะของคณะ ดำเนินการโดยคณะกรรมการหอศิลปะและการออกแบบ และแล้วเสร็จในวันที่
19 ธันวาคม พ.ศ. 2540 โดยมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้
จัดแสดงผลงานของอาจารย์ นักศึกษา คณะมัณฑนศิลป์
เป็นศูนย์รวมการแสดงผลงาน และแลกเปลี่ยนทางวิชาการศิลปะและการออกแบบ
เป็นศูนย์ข้อมูลทางศิลปะและการออกแบบ

คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร

คณะโบราณคดีได้ตั้งขึ้นในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2498 โดยมีจุดมุ่งหมายหลักให้เป็นคณะวิชาที่ผลิตครูอาจารย์และนักโบราณคดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานโบราณคดีเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในกองโบราณคดี ของกรมศิลปากร หรืองานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโบราณคดี
ภายหลังมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้มีความสอดคล้องกับตลาดแรงงานในปัจจุบันมากขึ้น เช่น สาขาวิชาภาษาอังกฤษ หรือ สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส ทำให้บัณฑิตสามารถประกอบอาชีพต่างๆได้ เช่น มัคคุเทศก์ นักเขียน นักเขียนสารคดี พนักโรงแรม พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ประชาสัมพันธ์ นักข่าว ฯลฯ


ปรัชญา
"ศึกษามนุษย์ ขุดค้นก้าวหน้า ภาษาเชี่ยวชาญ สืบสานศิลปวัฒนธรรม"


ภาควิชา
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรประกอบด้วย
ภาควิชาดังต่อไปนี้
ภาควิชาโบราณคดี
ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ
ภาควิชามานุษยวิทยา
ภาควิชาภาษาตะวันออก
ภาควิชาภาษาตะวันตก (สาขาวิชาภาษาอังกฤษ)
ภาควิชาภาษาตะวันตก (สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส)
หมวดวิชาประวัติศาสตร์


หลักสูตรการศึกษา

ระดับปริญญาบัณฑิต
คณะโบราณคดี เปิดสอนในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 7 สาขาวิชาเอก คือ
สาขาวิชา
โบราณคดี
สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ
สาขาวิชา
มานุษยวิทยา
สาขาวิชา
ภาษาไทย
สาขาวิชาภาษาตะวันออก (
ภาษาบาลี,สันสกฤต,เขมร)
สาขาวิชา
ภาษาอังกฤษ
สาขาวิชา
ภาษาฝรั่งเศส
วิชาโท 4 สาขาวิชา คือ
สาขาวิชาประวัติศาสตร์
สาขาวิชาพิพิธภัณฑ์สถานวิทยา
สาขาวิชามัคคุเทศก์ศึกษา
สาขาวิชา
ภาษาฮินดี โดยจะเลือกวิชาโทในชั้นปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1
นอกจากนี้ ยังเปิดสอนวิชาเลือกเสรี สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากรในคณะอื่นๆ คือ
สาขาวิชาภาษาอิตาเลียน

ระดับปริญญามหาบัณฑิต
เปิดสอนในหลักสูครศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มี 11 สาขาวิชา คือ
โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์
โบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ศิลปะ
มานุษยวิทยา
จารึกภาษาตะวันออก
จารึกภาษาไทย
ภาษาสันสกฤต
เขมรศึกษา
การจัดการจดหมายเหตุและเอกสาร
การจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม
ภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ภาษาเพื่อการสื่อสารเชิงวัฒนธรรม

ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต
เปิดสอนในหลักสูตรศิลปศาสตรดุษฏีบัณฑิต มี 4 สาขาวิชา คือ
สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์
สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะไทย
สาขาวิชาภาษาสันสกฤต
สาขาวิชาเขมร

ชี้ตลาดขาดแคลนอาชีพครู

รองเลขาธิการ กพฐ. ชี้ตลาดขาดแคลนอาชีพครูเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
วอนครูแนะแนวทั่วประเทศสนับสนุนเยาวชนที่อยากเป็นแม่พิมพ์

รองเลขาธิการ กพฐ. ชี้ตัวเลขขาดแคลนครูเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าภายใน 15 ปี จะมีข้าราชการครูเกษียณมากว่า 250,000 คน เสนอคุณครูแนะแนวทั่วประเทศสนับสนุนเยาวชนที่อยากเป็นแม่พิมพ์ของชาติให้เรียนต่อคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ มั่นใจอีก 5 -15 ปี ความต้องการตลาดสูง อาชีพครูไม่ตกงานแน่นอน

นายวินัย รอดจ่าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง “อาจารย์แนะแนวกับการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ของการศึกษาไทย” ซึ่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับบริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด จัดขึ้น โดยมีคุณครูแนะแนวจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 500 คน เข้าร่วมสัมมนา ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า อีก 5 – 15 ปีหลังจากนี้อาชีพครูจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากอย่างแน่นอน เนื่องจากตัวเลขการขาดแคลนครูมีมาก โดยในปี 2551 ที่ผ่านมา จะพบว่ามีอัตราว่าง 4,000 อัตรา อัตราข้าราชการครูเกษียณฯ 5,000 อัตรา และข้าราชการครูที่เข้าร่วมโครงการเกษียณก่อนกำหนด (Early Retire) อีก 12,000 อัตรา ทำให้ต้องมีการสอบบรรจุข้าราชการครูมากถึง 21,000 อัตรา และในปี 2552 นี้ ก็ยังมีโครงการเกษียณก่อนกำหนดอีก ทั้งยังมีข้าราชการครูเกษียณอีกไม่น้อยกว่า 7,000 อัตรา นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กันว่าภายใน 15 ปี จะมีข้าราชการครูเกษียณมากกว่า 250,000 คน
นายวินัย กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นจึงอยากฝากให้ครูแนะแนวทุกคนช่วยแนะนำและสนับสนุนให้นักเรียนที่มีใจรักในความเป็นครูได้เข้าศึกษาต่อด้านครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ โดยครูแนะแนวซึ่งเป็นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญในการดูแล ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือนักเรียนให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ควรจะต้องทราบข้อมูลเหล่านี้ และบอกกล่าวกับนักเรียนที่อยากเรียนครูให้เลือกเรียน เพราะเชื่อว่าอีก 5 ปี เมื่อเด็กเรียนจบครูออกมาแล้วจะไม่ตกงานแน่นอน

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

[ [ ครู ] ]





ครู คือบุคคลที่มีหน้าที่ หรือมีอาชีพในการสอนนักเรียน เกี่ยวกับวิชาความรู้หลักการคิดการอ่าน รวมถึงการปฏิบัติและแนวทางในการทำงาน โดยวิธีในการสอนจะแตกต่างกันออกไปโดยคำนึงถึงพื้นฐานความรู้ ความสามารถและเป้าหมายของนักเรียนแต่ละคน ปัจจุบันบุคคลที่จะทำอาชีพนี้จะต้องได้ใบประกอบวิชาชีพครูด้วยคล้ายๆกับหมอแล้วครับ


คำว่า “ครู” มาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต “คุรุ” และภาษาบาลี “ครุ, คุรุ”ครูในระดับอุดมศึกษา


ผู้สอนในวิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือระดับอุดมศึกษา จะมีตำแหน่ง อาจารย์โดยอาจารย์ที่ได้รับตำแหน่งทางวิชาการ ได้แก่ อาจารย์ (อ.), ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.),รองศาสตราจารย์ (รศ.) และ ศาสตราจารย์ (ศ.) ตามลำดับ การได้รับตำแหน่งทางวิชาการเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา


ตำแหน่งครู คือบุคคลที่ทำหน้าช่วยสอน สอนทบทวน สอนภาคปฏิบัติแตกต่างจากอาจารย์ที่ สอนภาคบรรยาย


ครูใหญ่

ครูที่ทำหน้าที่ดูแลระบบทั้งโรงเรียนจะเรียกว่า ครูใหญ่ ซึ่งคล้ายคลึงกับคณบดีหรืออธิการบดี ในระดับอุดมศึกษา โดยหน้าที่ของครูใหญ่มักจะทำหน้าที่ดูแลระบบการจัดการของโรงเรียนมากกว่าการสอนในห้องเรียน ต่อมาเป็นตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา มีทั้งครูใหญ่…, อาจารย์ใหญ่…, ผู้อำนวยการ… ณ ปัจจุบันใช้”ผู้อำนวยการสถานศึกษา” เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน…, ผู้อำนวยการวิทยาลัย…ทำหน้าที่บริหารสถานศึกษา แต่ต้องมีชั่วโมงปฏิบัติการสอนอย่างน้อย 5 ชั่วโมง / สัปดาห์


จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539

1.ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหน้า

2.ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัย ที่ถูกต้องดีงาม ให้เกิดแก่ศิษย์ อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ

3.ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ

4.ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์

5.ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ใช้ให้ศิษย์กระทำการใด ๆ อันเป็นการหาผลประโยชน์ ให้แก่ตนโดยมิชอบ

6.ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งทางด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทาง
วิทยาการ เศรษฐกิจสังคมและการเมืองอยู่เสมอ

7.ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครูและเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรวิชาชีพครู

8.ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์

9.ครูพึงประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญา และวัฒนธรรมไทย

ครุศาสตร์

คณะครุศาสตร์ (Faculty of Education)
มีภาควิชาซึ่งรับผิดชอบในการเปิดสอนหลักสูตรต่างๆ 4 ภาควิชา คือ
ภาควิชาหลักสูตรการสอนและเทคโนโลยีการศึกษา (Curriculum Instruction and Educational Technology )
ภาควิชาศิลปะดนตรีและนาฏศิลป์ศึกษา (Art, Music and Dance Education)
ภาควิชานโยบายการจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา (Educational Policy, Management, and Leadership)
ภาควิชาวิจัยและจิตวิทยาการศึกษา (Educational Research and Psychology)


ก่อนอื่นก็ขอบอกก่อนว่า คณะเรา ชื่อว่าคณะครุศาสตร์นะคะ ไม่ใช่คุรุ ค่ะ ครุ - แปลว่าหนัก 555555 ก็คงจะหนักค่ะ สำหรับบางคน คณะเราจะได้ชื่อว่าเป็นคณะครุศาสตร์และการรายงาน เพราะรายงานจะเยอะมาก การเรียนก็คล้ายมัธยมอยู่บ้าง มีการเช็คชื่อเข้าเรียน แอบโหดนะเนี่ย แต่สนุกค่ะ ได้ความรู้หลายด้าน (เรียนไปทั่ว) จะหนักสุดก็ตอนฝึกสอนล่ะคะ ยังดีที่ของรุ่นพี่นั่น ฝึกแค่ 1 เทอม แต่รุ่นหลังๆเนี่ย อาจจะ 1 ปีนะคะ (ไม่แน่ใจ) แต่สนุกดีค่ะ ทำให้เราได้รู้ว่าเราจะเหมาะที่เป็นครูหรือไม่ เอาเป็นว่าเรียนที่คณะนี้ไม่หนักหรอกค่ะ สบายๆ ไม่เครียดเท่าไหร่ ลองมาดูตอนหางานนี่เครียดกว่าตั้งเยอะค่ะ

ครุศาสตร์ ชื่อก็บอกว่าเรียนและค้นคว้าให้หนัก เพื่อจบไปจะได้เป็นครูที่มีความพร้อมที่จะสอนนักเรียน แต่หนักอย่างไรก็เป็นสิ่งที่มีความสุขเพราะเหมือนเรากำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์เป็นทุนรอนสำหรับวันข้างหน้า เป็นครูต้องศึกษาหาความรู้ตลอดเวลาไม่ใช่จบได้ปริญญาแล้วจบการศึกษา เรียนคณะนี้จะได้เตรียมพร้อมที่จะนำนักเรียนให้เป็นผู้สนใจใฝ่หาความรู้ เป็นศาสตร์ซึ่งมีแต่ความดีงามและความภาคภูมิใจ ถ้าอยากเรียนสอบให้ได้นะน้อง เวลาฝึกสอนจะรู้สึกดีมากๆ ถ้าสิ่งที่เราสอนนักเรียนสามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้จริง

คณะศึกษาศาสตร์ ม.เชียงใหม่

ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา

ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์

หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย

ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพลศึกษา

Bachelor of Education Program in Mathematics

ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอุตสาหกรรมศึกษา

ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์

ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ

หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส

หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ

หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาประถมศึกษา

หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ

หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศิลปศึกษา

หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเกษตรกรรม

คณะศึกษาศาสตร์ ม.รามคำแหง

คณะศึกษาศาสตร์ เปิดสอน 3 สาขาวิชา
1. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์
1.1 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) ประกอบด้วย
1. ภาษาไทย
2. ภาษาอังกฤษ
3. ภาษาฝรั่งเศส
4. สังคมศึกษา
5. วิทยาศาสตร์
6. คณิตศาสตร์
7. การประถมศึกษา
8. การปฐมวัยศึกษา
9. ธุรกิจศึกษา
10. ศิลปศึกษา
11. ภาษาจีน
12. พลศึกษา
13. คหกรรมศาสตร์

1.2 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร 4 ปี) ประกอบด้วย
1. คหกรรมศาสตร์
2. การเป็นผู้นำและการบริหารจัดการนันทนาการ

1.3 หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร 4 ปี)
1. คหกรรมศาสตร์
2. การเป็นผู้นำและการบริหารจัดการนันทนาการ
2. สาขาจิตวิทยา
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร 4 ปี)
1. จิตวิทยาสังคม
2. จิตวิทยาการให้การปรึกษา
3. จิตวิทยาคลินิกและชุมชน
4. จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ
5. จิตวิทยาพัฒนาการ

3. สาขาภูมิศาสตร์
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร 4 ปี)
1. ภูมิศาสตร์

คณะศึกษาศาสตร์ ม.นเรศวร

หลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี

- สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา Educational Technology and Communications

หลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี - สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา Computer Education
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา แขนงวิชาคณิตศาสตร์) และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา แขนงวิชาเคมี) และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมี
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา แขนงวิชาชีววิทยา) และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา แขนงวิชาฟิสิกส์) และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาฟิสิกส์
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา แขนงวิชาพัฒนาสังคม) และหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนาสังคม
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา แขนงวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์) และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา 5 ปี แขนงวิชาพลานามัย

คณะศึกษาศาสตร์ ม.บูรพา

หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) หลักสูตร 5 ปี

- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนคณิตศาสตร์
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาไทย
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
-
หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนชีววิทยา
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนเคมี
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการศึกษาปฐมวัย
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาจีน
-
หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนสุขศึกษาและพลศึกษา
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนชีววิทยา
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนเคมี
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการศึกษาปฐมวัย
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาจีน
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนสุขศึกษาและพลศึกษา
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาญี่ปุ่น
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนดุริยางคศึกษา
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนดุริยางคศึกษา
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนฟิสิกส์
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนดุริยางคศึกษา
-
หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนฟิสิกส์
- หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต สาขาการสอนวิทยาศาสตร์ทั่วไป

หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) หลักสูตร 4 ปี

-
สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
- สาขาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์

หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) หลักสูตรต่อเนื่อง
-
สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
- สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศึกษา
- สาขาวิชาดุริยางคศึกษา

คณะศึกษาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์

ปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต มี 6 หลักสูตร
1. ศษ.บ. (ธุรกิจศึกษา) ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการและหลักธุรกิจศึกษา การศึกษาหลักสูตรธุรกิจศึกษา หลักและพื้นฐานทางธุรกิจ วิธีการสอนวิชาธุรกิจพื้นฐาน กระบวนความรู้ทางธุรกิจและสำหรับครูธุรกิจ หลักและการจัดการธุรกิจตลอดจนกฎหมาย หลักการตลาดและเศรษฐศาสตร์ การบริหารงานธุรการและสำนักงานอัตโนมัติ โครงการทางธุรกิจ ตลอดจนหลักการบัญชีและการใช้อุปกรณ์สำนักงาน

ผู้สำเร็จการศึกษา สามารถประกอบอาชีพเป็นครู-อาจารย์ อาชีพอิสระทางการค้าและธุรกิจ เป็นต้น

2. ศษ.บ. (เกษตรและสิ่งแวดล้อมศึกษา) ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาในวิชาชีพออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มแรกเป็นเนื้อหาทางด้านวิชาชีพครู ซึ่งเรียนเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมทางการเรียนการสอนเกษตรและสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกระบบโรงเรียน การจัดทำหลักสูตร การวิจัย การศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและสิ่งแวดล้อมรวมถึงการฝึกปฏิบัติงานจริงในภาคสนาม และเนื้อหาอีกส่วนหนึ่งเป็นเนื้อหาทางด้านการเกษตรในสาขาต่างๆ ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเนื้อหาทางด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมด้วย

ผู้สำเร็จการศึกษา สามารถสอบบรรจุเข้ารับราชการครู นักวิชาการเกษตรและสิ่งแวดล้อม พนักงานรัฐวิสาหกิจหรืออาจเข้าทำงานในหน่วยงาน NGO และบริษัทเอกชน ตลอดจนสามารถประกอบอาชีพอิสระเป็นของตนเองได้ด้วยความมั่นใจ

3. ศษ.บ. (การสอนคณิตศาสตร์) ศึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรคณิตศาสตร์ หลักและการสอนคณิตศาสตร์ จิตวิทยาการวัดและประเมินผล หลักการและโครงสร้างของคณิตศาสตร์ สถิติและคอมพิวเตอร์

ผู้สำเร็จการศึกษา สามารถประกอบอาชีพครูคณิตศาสตร์ หรือนักคณิตศาสตร์ สถิติ นักวิจัย เป็นต้น


4. ศษ.บ. (การสอนวิทยาศาสตร์) มี 6 สาขาวิชาเอก คือ ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ทั่วไป วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ศึกษาเกี่ยวกับวิชาการศึกษา หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลการเรียนการสอน การสังเกต และการฝึกปฏิบัติงานครู และการฝึกสอน ในวิชาวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ

ผู้สำเร็จการศึกษา สามารถประกอบอาชีพเป็นครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นักวิชาการศึกษาปฏิบัติงานในสถาบันการศึกษา และสถาบันที่เกี่ยวกับการศึกษา ในระดับโรงเรียนและระดับวิทยาลัย หรือเป็นผู้ช่วยนักวิทยาศาสตร์ หรือทำงานด้านคอมพิวเตอร์ทั้งในภาครัฐ และเอกชน เป็นต้น

5. ศษ.บ. (สุขศึกษา) ศึกษาวิชาทางสุขศึกษา พฤติกรรมศาสตร์ และวิชาการศึกษา มีการฝึกสอนในโรงเรียน

ผู้สำเร็จการศึกษา สามารถเป็นครูสุขศึกษา และนักสุขศึกษาในชุมชน สถานพยาบาล เป็นผู้นำในศูนย์สุขภาพ ทั้งในภาครัฐและเอกชน หรือประกอบอาชีพส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เป็นต้น

6. ศษ.บ. (พลศึกษา)เปิดสอนที่สุพรรณบุรี

ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต มี 2 หลักสูตร

1. ศศ.บ. (ศึกษาศาสตร์-คหกรรมศาสตร์) ศึกษาวิชาทางคหกรรมศาสตร์ วัสดุและอุปกรณ์ในการสอน หลักโภชนาการ การสุขาภิบาลอาหาร ศิลปะ พัฒนาเด็กและชุมชน การบริหารและการจัดการทางคหกรรมศาสตร์ หลักการตบแต่งภายใน การเลือกและการเตรียมอาหาร การสัมมนาและการฝึกอบรมทางคหกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ในครอบครัว โภชนาการทั่วไป และวิชาการศึกษา มีการฝึกสอนในโรงเรียน ฝึกงานในสถานประกอบการต่างๆ

ผู้สำเร็จการศึกษา สามารถเป็นครูคหกรรมศาสตร์ เจ้าหน้าที่เคหกิจเกษตร พัฒนากร งานบริการอาหารในสถาบัน ผู้บริหารธุรกิจโรงแรม และเจ้าของกิจการในสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์เป็นต้น

2. ศศ.บ. (ศึกษาศาสตร์-พลศึกษา) ศึกษาเกี่ยวกับพื้นฐานการเคลื่อนไหว การป้องกันอุบัติเหตุทางกีฬา นันทนาการ เกม และการจัดค่ายพักแรม การวัดและการประเมินผลทางพลศึกษา การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ การจัดการแข่งขัน และทักษะกีฬาประเภทต่างๆ

ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต มี 4 หลักสูตร

1. วท.บ. (ศึกษาศาสตร์-พลศึกษา) ศึกษาเกี่ยวกับพื้นฐานการเคลื่อนไหว วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวสรีรวิทยา การออกกำลังกาย การวัดและประเมินผลทางพลศึกษา การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ การจัดการแข่งขันกีฬา และทักษะกีฬาประเภทต่างๆ ศึกษาศาสตร์-พลศึกษา ทั้ง 2 หลักสูตร มีการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในโรงเรียน การฝึกงานกิจกรรมค่ายพักแรม การเป็นผู้ตัดสิน และเจ้าหน้าที่ทางกีฬาการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ลูกเสือ เนตรนารี ผู้บำเพ็ญประโยชน์ ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นครูพลศึกษา ผู้ฝึกสอนกีฬาทั้งในภาครัฐ และเอกชน หรือประกอบอาชีพส่วนตัว

2. วท.บ. (ศึกษาศาสตร์-เกษตร) ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาทางวิชาชีพแยกออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นเนื้อหาทางด้านวิชาชีพครูซึ่งเรียนเกี่ยวกับวิธีการสอน การประเมินผล จิตวิทยาการศึกษา การวิจัยทางการศึกษา รวมถึงการฝึกปฏิบัติงานจริงในภาคสนาม อีกส่วนหนึ่งเป็นเนื้อหาทางด้านวิชาชีพเกษตรในสาขาต่างๆ เช่น สาขาพืชสวน พืชไร่ โรคพืช กีฏวิทยา ปฐมพีวิทยา และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทางการเกษตร

ผู้สำเร็จการศึกษา สามารถเป็นครูเกษตร นักวิชาการเกษตร พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรืออาจสอบเข้าเป็นพนักงานบริษัทที่ทำธุรกิจทางการเกษตรและเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากนี้บัณฑิตในสาขานี้ยังสามารถประกอบอาชีพอิสระของตนเองได้ด้วยความมั่นใจ

3. วท.บ. (วิทยาศาสตร์การกีฬา) เป็นหลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี ภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะศึกษาศาสตร์ และโครงการจัดตั้งวิทยาเขตกระบี่ และวิทยาเขตสุพรรณบุรี เปิดสอนแบบภาคพิเศษ

4. วท.บ. (วิทยาศาสตร์การกีฬา) เปิดสอนที่สุพรรณบุรี

ปริญญาสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต
1. ส.บ. เป็นหลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี ภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะศึกษาศาสตร์ และโครงการจัดตั้งวิทยาเขตสุพรรณบุรี
เปิดสอนแบบภาคพิเศษที่จังหวัดสุพรรณบุรี

ปริญญาตรีหลักสูตร 5 ปี มี 7 หลักสูตร
1. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ศษ.บ.(เกษตรศาสตร์ )
2. สาขาวิชาพลศึกษา ศษ.บ.(พลศึกษา )
3. สาขาวิชาคหกรรมศาสตรศึกษา ศษ.บ.(คหกรรมศาสตรศึกษา )
4. สาขาวิชาสุขศึกษา ศษ.บ.(สุขศึกษา)
5. สาขาวิชาธุรกิจศึกษา ศษ.บ.(ธุรกิจศึกษา)
6. สาขาวิชาการสอนคณิตศาสตร์ ศษ.บ.(คณิตศาสตร์)
7. สาขาวิชาการสอนวิทยาศาสตร์ ศษ.บ. (ชีววิทยา)หรือ(เคมี)หรือ(ฟิสิกส์)หรือ(วิทยาศาสตร์ทั่วไป)

คณะศึกษาศาสตร์ ม.ศิลปากร

คณะศึกษาศาสตร์เริ่มเปิดสอนตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2513 เป็นคณะวิชาลำดับที่ 6 ของมหาวิทยาลัยศิลปากร ในระยะก่อตั้งระหว่าง พ.ศ. 2513 - 2514 มีศาสตราจารย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล (อธิการบดีของมหาวิทยาลัยศิลปากรในสมัยนั้น) เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งคณบดี ระยะแรกเปิดสอนระดับปริญญาบัณฑิต วิชาเอก 4 สาขา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังเปิดโรงเรียนสาธิต เพื่อประโยชน์สำหรับการฝึกสอนและฝึกปฏิบัติวิชาชีพของนักศึกษา

สาขาวิชาที่เปิดสอนระดับปริญญาบัณฑิต
หลักสูตรการศึกษา 5 ปี
ศึกษาศาสตรบัณฑิต
1. สาขาวิชาการประถมศึกษา
2. สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย
3. สาขาวิชาภาษาไทย
4. สาขาวิชาภาษาอังกฤษ
5. สาขาวิชาสังคมศึกษา
6. สาขาวิชาคณิตศาสตร์
7. สาขาวิชาเคมี
8. สาขาวิชาชีววิทยา
9. สาขาวิชาฟิสิกส์
10. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป

หลักสูตรการศึกษา 4 ปี
ศึกษาศาสตรบัณฑิต
1. สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
2. สาขาวิชาการศึกษาตลอดชีพ

ศิลปศาสตรบัณฑิต
1. สาขาวิชาจิตวิทยา

วิทยาศาสตรบัณฑิต
1. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา

ระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต
1. สาขาวิชาชีพครูวิทยาศาสตร์
2. สาขาวิชาชีพครู


ระดับปริญญษมหาบัณฑิต
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
1. สาขาวิชาการศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษาต่อเนื่อง
2. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
3. สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ
4. สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ
5. สาขาวิชาการสอนภาษาไทย
6. สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
7. สาขาวิชาการสอนสังคม
8. สาขาวิชาพัฒนศึกษา
9. สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาพิเศษ

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
1. สาขาวิชาจิตวิทยาชุมชนระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต

ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
1. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
2. สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน

ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต
1. สาขาวิชาการศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนามนุษย์

สีประจำคณะ สีน้ำเงิน

การวิจัยและบริการทางวิชาการ
คณะศึกษาศาสตร์มีโครงการพิเศษเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาบัณฑิตสาขาวิชาภาษาไทยด้วยวิธีพิเศษ (โครงการสืบสานภาษาไทย) เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระชนมายุครบ 3 รอบ คณะศึกษาศาสตร์จัดให้มีการบริการทางวิชาการแก่สังคมในรูปแบบต่างๆ อาทิ การประชุม สัมมนา การอบรม การบรรยายพิเศษ ฯลฯ นอกจากนี้คณะศึกษาศาสตร์ยังมีการจัดการเรียนการสอนในลักษณะโครงการพิเศษ ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก

เว็บไซท์ http://www.educ.su.ac.th

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552

เมนูหน้าร้อนค่ะ น่าทานมั่กๆ

^ สตอเบอร์รี่ราดซอสไวท์ชอคโกแลต
เสิร์ฟกับไอศครีมวานิลลาเป็นของหวานคู่ครัวของฉันเอง หน้าร้อน นึกอะไรไม่ออก จะทำเมนูนี้ทาน เพราะว่าทำง่ายมากๆ แล้วก็ว่าอร่อยด้วย เพื่อนติดใจไปหลายคนแล้ววิธีทำคือ ต้มวีปครีมให้เดือด ยกออกจากเตา จากนั้นก็หักชอคโกแลตขาวลงไปคนๆจนละลายเข้ากันดี ก็ขูดผิวมะนาวเป็นเส้นยาวๆลงไป เราก็ได้ซอสแล้วจากนั้นก็มาล้างและหั่นสตอเบอร์รี่ให้เรียบร้อย บีบมะนาวลงไปพอให้มีรสเปรี้ยวนิดหน่อย
(ตามสูตรเดิมเขาผสมน้ำตาลด้วย)





^ สลัดกุ้งสดส้ม


เมนูนี้ดัดแปลงจากความชอบของตัวเองกับของเหลือในตู้เย็นวิธีทำก็ เอากุ้งสดมาผ่าทำความสะอาดให้เรียบร้อย คลุกผงปาปริก้า เกลือ แล้วก็เอิร์บต่างๆ เอาเข้าไมโครเวฟ โรยด้วยหอมแดงซอย วางลงบนส้มสดที่ฝานไว้และผักสลัดที่ราดด้วยน้ำมันมะกอกกับvinegar แค่นี้เอง เสร็จแล้ว









วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

^ ^ ชะอำ
























หาดชะอำจัดเป็นสถานที่ท่องเทียวชายทะเลที่มีชื่อเสียงของเมืองเพชรบุรีในปัจจุบันด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย หาดทรายยาวเหยียดที่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ มีที่พักและร้านอาหารมากมายหลายระดับให้เลือกตามอัธยาศัย ชะอำจึงเป็นจุดหมายปลายทางในหารตากอากาศของคนทุกระดับ ในช่วงเทศกาลวันหยุดบรรยากาศจึงค่อนข้างวุ่นวายสับสนเพราะมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก ที่ตั้งและการเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรไปตาม ถนนเพชรเกษมหรือทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านพระนครคีรี อำเภอท่ายางแล้วเข้าแยกซ้ายมือที่ทางยกระดับบริเวณหุบกระพง (มีป้ายบอกชัดเจน) ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร จากนั้นจะมีทางแยกซ้ายมือเข้าชายหาดไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ประวัติ ชะอำเป็นแหล่งตากอากาศที่อยู่ใกล้กับหัวหินมากและมีความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกัน คือ ความรุ่งเรื่องเฟื่องฟูของหัวหินในฐานะเมืองตากอากาศชายทะเลของชนชั้นสูง เป็นสิ่งที่ทำให้คนกลุ่มหนึ่งที่นำโดย กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เริ่มแสวงหาแหล่งตากอากาศใหม่ที่มีความสงบและมีที่ว่างพอสำหรับการจับจองที่ดินชายหาดทะเล ชะอำซึ่งเป็นตำบลเล็กๆ ที่มีแต่หมู่บ้านชาวประมงจึงได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นแหล่งผักผ่อนตากอากาศแห่งใหม่ อาณาเขตของชะอำส่วนที่พัฒนาโดยคณะกรรมการ อันที่กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงเป็นประธานร่วมด้วยกรมหมื่อนพิทยาลงกรณ์ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี และพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นอาทินั้น นับจากหมู่บ้านปากคลองชะอำไปจรดหมู่บ้านหนองแจงเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร เรียกว่าสหคามชะอำ มีการตัดถนนจากสถานีรถไฟมาจรดชายทะเลแล้วตัดถนนเลียบชายหาดจากปลายถนนนี้ออกไปทางซ้ายมือ (คือทิศเหนือ) จรดบ้านปากคลองชะอำ และทางขวามือ (คือทิศใต้) จรดบ้านหนองแจง ปัจจุบันตรงบริเวณสามแยกนี้เป็นที่ต้งของอนุสรณ์สถานกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และถนนสายที่ตัดจากสถานีรถไฟก็ชื่อว่า ถนนนราธิป เพื่อถวายพระเกียรติแด่อดีตผู้ใหญ่บ้านคนแรกของสหคามชะอำ สิ่งที่น่าสนใจ ชายหาดชะอำ ปัจจุบันมีบรรยากาศคล้ายคลึงกับหาดบางแสนในอดีต มีร้านค้าตลอดถนนเลียบชายหาดและโรงแรมที่พักต่างๆ มากมาย ส่วนบนหาดมีบริการเก้าอี้ผ้าใบและร่มกางหนาแน่นโดยตลอด รวมทั้งมีกิจกรรมทางน้ำ เช่น บานาน่าโบ๊ต เจ็ตสกี เป็นต้น สำหรับผู้ที่ต้องการความสงบควรไปเที่ยวชายหาดใกล้วัดเนรัญชราราม ที่ขึ้นปลาชาวบ้าน อยู่ที่ชายหาดระหว่าง ถนนหนองแจง กับบ้านพักปูนซีเมนต์ เป็นจุดเรือประมงขนาดเล็กของชาวบ้าน (เรือหางยาว) ซึ่งส่วนใหย๋เป็นเรือปูน้ำตื่นเข้าเทียบชายหาดเพื่อขนขึ้นฝั่ง วัดเนรัญธราราม อยู่ติดกับบ้านปากคลองชะอำ แต่เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์และได้รับการยกฐานะขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 นับเปนร่องรอยที่ทำให้เห็นถึงวันวานของหาดชะอำที่ถูกเรียกขานว่าฟองคลื่นศักดินาแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี สะพานปลา อยู่สุดชายหาดด้านเหนือใกล้กับวัดเนรัญธราราม มีเรือประมงจอดเรียงรายเป็นทัศนียภาพอันงดงามแปลกตา มีร้านอาหารอร่อย และของทะเลสดให้จับจ่ายได้ตามสะดวกตลอดวัน






วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Voyageur spatial

Un voyageur spatial est un membre de l’équipage d’un vaisseau spatial, c’est-à-dire d’un appareil conçu pour évoluer dans l’espace.
Les femmes et les hommes qui voyagent dans l’espace (ou dans le cosmos) sont désignés différemment en fonction de la puissance pour laquelle ils travaillent : cosmonautes pour l'
URSS puis la Russie, astronautes pour les États-Unis et le Canada, spationautes pour la France et taïkonautes pour la Chine. Youri Gagarine est le premier homme à avoir voyagé dans l’espace.
Si le millième membre d’équipage,
Mark Polansky, s’est envolé le 10 décembre 2006, moins de 500 personnes différentes - au 1er janvier 2007 - sont parties dans l’espace depuis le début de la conquête de l’espace dans les années 1960.

Véhicule spatial


On entend par véhicule spatial ou astronef ou spationef, un véhicule permettant de se déplacer dans l'espace ou d'y accéder depuis la surface d'un corps céleste.Un véhicule spatial peut être habité ou inhabité, suivant s'il est ou non doté de systèmes permettant la survie d'êtres vivants (humains ou non) à son bord. Les véhicules spatiaux sont conçus pour une variété de missions qui peuvent inclure des communications, l'observation de la terre, la météorologie, la navigation, l'exploration planétaire, le tourisme spatial, ou des missions à caractère militaire (espionnage, défense ou attaque).Le terme véhicule spatial sert aussi à désigner les satellites artificiels.
Dans la
science-fiction, les véhicules spatiaux sont souvent appelés vaisseaux spatiaux.

ดาราศาสตร์

ดาราศาสตร์ คือวิชาวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาวัตถุท้องฟ้า (อาทิ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวหาง และดาราจักร) รวมทั้งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากนอกชั้นบรรยากาศของโลก โดยศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการ ลักษณะทางกายภาพ ทางเคมี ทางอุตุนิยมวิทยา และการเคลื่อนที่ของวัตถุท้องฟ้า ตลอดจนถึงการกำเนิดและวิวัฒนาการของเอกภพ
ดาราศาสตร์เป็นหนึ่งในสาขาของวิทยาศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุด นักดาราศาสตร์ในวัฒนธรรมโบราณสังเกตการณ์ดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน และวัตถุทางดาราศาสตร์หลายอย่างก็ได้ถูกค้นพบเรื่อยมาตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม กล้องโทรทรรศน์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่จำเป็นก่อนที่จะมีการพัฒนามาเป็นวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ตั้งแต่อดีตกาล ดาราศาสตร์ประกอบไปด้วยสาขาที่หลากหลายเช่น การวัดตำแหน่งดาว การเดินเรือดาราศาสตร์ ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ การสร้างปฏิทิน และรวมทั้งโหราศาสตร์ แต่ดาราศาสตร์ทุกวันนี้ถูกจัดว่ามีความหมายเหมือนกับฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ดาราศาสตร์ได้แบ่งออกเป็นสองสาขาได้แก่ ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ และดาราศาสตร์เชิงทฤษฎี ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์จะให้ความสำคัญไปที่การเก็บและการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการใช้ความรู้ทางกายภาพเบื้องต้นเป็นหลัก ส่วนดาราศาสตร์เชิงทฤษฎีให้ความสำคัญไปที่การพัฒนาคอมพิวเตอร์หรือแบบจำลองเชิงวิเคราะห์ เพื่ออธิบายวัตถุท้องฟ้าและปรากฏการณ์ต่างๆ ทั้งสองสาขานี้เป็นองค์ประกอบซึ่งกันและกัน กล่าวคือ ดาราศาสตร์เชิงทฤษฎีใช้อธิบายผลจากการสังเกตการณ์ และดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ใช้ในการรับรองผลจากทางทฤษฎี
การค้นพบสิ่งต่างๆ ในเรื่องของดาราศาสตร์ที่เผยแพร่โดย
นักดาราศาสตร์สมัครเล่นนั้นมีความสำคัญมาก และดาราศาสตร์ก็เป็นหนึ่งในวิทยาศาสตร์จำนวนน้อยสาขาที่นักดาราศาสตร์สมัครเล่นยังคงมีบทบาท โดยเฉพาะการค้นพบหรือการสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
ไม่ควรสับสนระหว่างดาราศาสตร์โบราณกับโหราศาสตร์ ซึ่งเป็น
ความเชื่อที่นำเอาเหตุการณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ไปเกี่ยวโยงกับตำแหน่งของวัตถุท้องฟ้า แม้ว่าทั้งดาราศาสตร์และโหราศาสตร์เกิดมาจากจุดร่วมเดียวกัน และมีส่วนหนึ่งของวิธีการศึกษาที่เหมือนกัน เช่นการบันทึกตำแหน่งดาว (ephemeris) แต่ทั้งสองอย่างก็แตกต่างกัน
ในปี
ค.ศ. 2009 นี้เป็นการครบรอบ 400 ปีของการพิสูจน์แนวคิดเรื่องดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ของ นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส อันเป็นการพลิกคติและโค่นความเชื่อเก่าแก่เรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลของอริสโตเติลที่มีมาเนิ่นนาน โดยการใช้กล้องโทรทรรศน์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ของกาลิเลโอซึ่งช่วยยืนยันแนวคิดของโคเปอร์นิคัส องค์การสหประชาชาติจึงได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีดาราศาสตร์สากล มีเป้าหมายเพื่อให้สาธารณชนได้มีส่วนร่วมและทำความเข้าใจกับดาราศาสตร์มากขึ้น

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ภาษาสเปน










ภาษาสเปน (อังกฤษ: Spanish, Castilian; สเปน: español, castellano) เป็นภาษาในกลุ่มภาษาไอบีเรียนโรมานซ์ หนึ่งในภาษาทางการ 6 ภาษาขององค์การสหประชาชาติ และภาษาที่มีผู้พูดเป็นภาษาแม่มากที่สุดในโลกรองจากภาษาจีนกลาง[15][16] รวมทั้งยังเป็นภาษาทางการขององค์การระหว่างประเทศทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญอีกหลายองค์การอีกด้วย เช่น สหภาพยุโรป สหภาพแอฟริกา องค์การรัฐอเมริกา องค์การรัฐไอบีเรียอเมริกา ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ และสหภาพชาติอเมริกาใต้ เป็นต้น
มีผู้พูดภาษาสเปนเป็นภาษาที่หนึ่งและภาษาที่สองเป็นจำนวนระหว่าง 450
[17]-500 ล้านคน[18] และอาจเป็นภาษาที่สองที่ใช้พูดกันมากที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจำนวนผู้ที่ใช้พูดเป็นภาษาที่หนึ่งและภาษาที่สองร่วมกัน[19] โดยเม็กซิโกเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้พูดภาษานี้มากที่สุด นอกจากนี้ ภาษาสเปนยังเป็นภาษาที่มีผู้เรียนมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก[20] รองจากภาษาอังกฤษ มีผู้เรียนภาษานี้อย่างน้อย 17.8 ล้านคน[21] ขณะที่แหล่งข้อมูลบางแห่งกล่าวว่า มีผู้เรียนภาษานี้กว่า 46 ล้านคน[22] กระจายอยู่ใน 90 ประเทศ
ภาษาสเปนมีต้นกำเนิดจาก
ภาษาละตินชาวบ้านที่พัฒนามาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3 (เช่นเดียวกับภาษาอื่นในกลุ่มภาษาโรมานซ์) หลังจากจักรวรรดิโรมันล่มสลายลง ดินแดนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิต่างแยกไปอยู่ใต้การปกครองของชนกลุ่มต่าง ๆ กัน ภาษานี้จึงถูกตัดขาดออกจากภาษาถิ่นของภาษาละตินในดินแดนอื่น ๆ และมีวิวัฒนาการอย่างช้า ๆ จนเกิดเป็นภาษาละตินใหม่ต่างหากอีกภาษาหนึ่ง แต่เนื่องจากได้รับการเผยแพร่ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้เป็นเวลาที่ต่อเนื่องยาวนาน ภาษาสเปนจึงกลายเป็นภาษาละตินใหม่ที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในปัจจุบัน

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตุ๊กตาตัวเล็ก ^^

































































สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก











สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก ได้แก่ ค้างคาวกิตติ (Craseonycteris Thonglongyai) ค้างคาวนับเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่สามารถบินได้ และมีระบบโซนาช่วยค้นหาทิศทางและสิ่งกีดขวางต่างๆ ตลอดเส้นทางที่บินไป รวมทั้งสื่อสารกับค้างคาวอื่นด้วย นับเป็นสัตว์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่มีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก ได้แก่ ค้างคาวกิตติ (Craseonycteris Thonglongyai) ค้างคาวนับเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่สามารถบินได้ และมีระบบโซนาช่วยค้นหาทิศทางและสิ่งกีดขวางต่างๆ ตลอดเส้นทางที่บินไป รวมทั้งสื่อสารกับค้างคาวอื่นด้วย นับเป็นสัตว์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่มีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ
ค้างคาวที่พบในประเทศไทยนั้นมีอยู่ทั้งสิ้น 10 วงศ์ 92 ชนิด มีทั้งที่กินผลไม้เป็นอาหารและกินแมลงเป็นอาหาร ชนิดที่ค้นพบใหม่ล่าสุดและเป็นที่ตื่นเต้นในบรรดานักสัตววิทยาของโลก คือ ค้างคาวกิตติ (Kitti's Hog-Nosed Bat) ซึ่งเป็นค้างคาวกินแมงวงศ์ใหม่ของโลกและมีเพียงชนิดเดียว ค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ของไทยคือ คุณกิตติ ทองลงยา เมื่อปี พ.ศ. 2516 ที่ถ้ำแถบอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ค้างคาวชนิดนี้มีขนาดที่เล็กมากคือ มีน้ำหนักเพียง 2 กรัม ความกว้างช่วงปีก 160 มิลลิเมตร ซึ่งกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ เมื่อปี พ.ศ. 2529 ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก สถานภาพในปัจจุบันจัดว่าเป็นสัตว์ที่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤติเป็นอันดับ 1 ในจำนวนสัตว์ 12 ชนิดทั่วโลกที่กำลังถูกคุกคามและใกล้จะสูญพันธุ์







วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

รถยนต์ที่เล็กที่สุดในโลก !!!






ถูกสร้างขึ้นในปี 1963 โดยบริษัท Peel Engineering ของอังกฤษ ทำขายเพียง 50 คันเท่านั้น ขายในราคาคันละ 200 ปอนด์ ปัจจุบันยังคงมีให้เห็นอยู่ 20 คัน และราคาก็ถีบขึ้นไปอยู่ 35,000-50,000 ปอนด์ สำหรับคันนี้เป็นรถที่ทาง Ripley's Believe It or Not! ได้มา และนำมาโชว์

FLoWer++Rose++







วิธีลบรอยย่นที่คอ


ใครที่มีรอยย่นบริเวณลำคอแล้วอยากกำจัด วันนี้มีวิธีบอก....


รอยย่นที่คอ เกิดจากผิวที่แห้ง ขาดวิตามินและน้ำมาหล่อเลี้ยงผิวหนังที่คอ จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยย่น ทำให้ดูมีอายุ และไม่สดใส

วิธีลดรอยย่นที่คอ


1. ชโลมครีมให้ชุ่มชื่นทุกเช้า-ค่ำ
2. ออกกำลังกายด้วยการผงกศีรษะไปข้างหลัง อ้าปากว้างแล้ว หุบสนิท ทำซ้ำ 10 ครั้ง
3. รับประทานผักผลไม้มาก ๆ
4. ดื่มน้ำ วันละ 8-10 แก้ว เป็นอย่างน้อย
เพียงเท่านี้ ปัญหารอยย่นที่คอก็จะหายไป ลองนำไปปฏิบัติตามกันดูได้.

20 วิธีอ่อนเยาว์มากขึ้นในวันนี้


เตรียมรับมือกับปีใหม่นี้กันได้แล้ว ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวที่ไหน ไปเรียนร้องเพลง หรือปรับลุคตัวเองใหม่ เรามีแรงบันดาลใจที่จะมาช่วยให้คุณฮือฮากับชีวิตได้ทำตามคำแนะนำแล้วคุณจะรู้สึกอ่อนเยาว์ขึ้นมาทันตาเห็นเลยเชียวล่ะ


1. เล่นเกมมีเดทนึกถีงตอนมีนัดกับหนุ่มที่แอบปิ้งครั้งแรกสิ เมื่อก่อนน่ะเรามือสั่นใจสั่นแค่ไหน จำได้รึเปล่าเอ่ย ให้สร้างความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาอีกครั้ง รับรองสนุก ต่างคนต่างไปที่นัดหมายตกลงเลือกที่ใหม่ๆกันทั้งสองฝ่าย ทำสิ่งที่แตกต่างออกไป เวลาคุยกันก็ถามคำถามแบบที่คุณมักถามคนที่ไม่เคยรู้จักกันมากก่อน ไม่ช้าอะดรีนาลีนคุณก็จะหลั่งเหมือนตอนแรกเจอ แบบนี้ตื่นเต้นดีออกว่ามั้ย

2. จี้จุดความเยาว์การฝังเข็มอิงทฤษฎีปราณของจีนหมายถึงพลังชีวิต ซึ่งใช้งานด้วยการจุดประกายพลังปราณที่หยุดนิ่ง ก็ทำให้แข็งแรงหรืออ่อนแอ่ลงได้ ซูซาน รีด วัย 35 ปี บอกว่า “ตอนอายุ 35 ไปแล้วร่างกายเราเริ่มเชื่องช้าลง แต่การฝังเข็มจะช่วยกระตุ้นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยกระตุ้นพลังงานและความรู้สึกเป็นหนุ่มสาว”


3. ทำใจให้สบายใช้เทคนิคการทำสมาธิการเพ่งมองเทียนโดยไม่กะพริบจาซึ่งสามารถฟื้นฟูร่างกายและจิตใจได้เพราะกระตุ้นต่อมไพเนียลในสองให้ผลิตเมลาโทนินอันเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ ดูรายละเอียดเพิ่ม http://www.fisu.org/

4. อยากอายุเท่าไรก็แสดงออกเท่านั้นโลฟ์โค้ช ฟีโอนา ฮาโรล แนะว่าให้เลือกว่าอายุเท่าไรที่สะท้อนสุขภาพอันมีชีวิตชีวา และความสดชื่นของคุณ จากนั้นบอกตัวเองว่าคุณอายุเท่านั้น ทำให้ตัวเองรู้สึกดังนั้น และแสดงท่าทางเพื่อให้เหมาะสมกับอายุที่คุณต้องการให้ดีที่สุด

5. ดอมดมกลิ่นหวนสู่วัยเด็กการค้นคว้าของมูลนิธิกลิ่นและรสในชิคาโก พบว่าการสร้างกลิ่นจากวัยเด็กสามารถทำให้เรารู้สึกอ่อนเยาว์ขึ้นมาได้ทันควัน ประสาทส่วนหน้าจัดเป็นส่วนของอารมณ์อ่อนไหว วิธีที่เร็วที่สุดในการเข้าถึงความจำเหล่านี้คือผ่านทางกลิ่น เชื่อมั้ยว่ากลิ่นแรกที่เราคิดถึงสมัยวัยเด็ก คือกลิ่นขนมปังอบใหม่หอมกรุ่น


6. เชื่อใน “พลังสาวๆ”จากการศึกษากับสตรีวัย 40 ปีหนึ่งกลุ่ม พบว่าการใช้เวลาค้างคืนกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน จัดว่ายอดเยี่ยมในการทำให้รู้สึกอ่อนเยาว์ลงอีกครั้ง เพื่อเก่าแก่สามารถช่วยให้คุณหนีความเครียดจากชีวิตประจำวันได้ด้วยการเตือนใจให้นึกถึงวัยก่อนจะมีความรับผิดชอบหนักหนาเช่นทุกวันนี้ นัดชุมนุนเพื่อนเม้าท์กันให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลย

7. หวนรำลึกความทรงจำลองสะกดจิตตัวเองดูจะทำให้คุณทวนกลับไปถึงเวลาที่รู้สึกเสรีแฮปปี้ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกนี้และรอยยิ้มกับทัศนคติคนที่อ่อนเยาว์มากขึ้น

8. วางแผนพักเบรกมีพวกเราน้อยคนที่ปฏิเสธว่าสิ่งที่ดีที่สุดในการเรียนคือได้ปิดเทอมนานๆ โดยไม่มีการบ้านให้คิดหาวันหยุดเบรกแบบนี้เพื่อนเติมความรู้สึกนั้นและวางแผนสิ่งพิเศษ เสนอความคิดให้เจ้านายพาไปสัมมนา ดูงาน ซึ่งเจ้านายส่วนใหญ่มองว่าเป็นโอกาสเพิ่มทักษะและมุมมองให้ลูกน้อง

9. หวือหวาได้นอกห้องนอนสมัยสาวๆ เราไม่เคยขี้อายกระมิดกระเมี้ยนกับการมีเซ็กซ์ หรือกำจัดแค่บนเตียงในห้องนอนเท่านั้น แต่พออายุมากขึ้นกลับต้องเข้าห้องนอนใส่กลอนประตูตอนกลางคืนถึงจะวาดลวดลายได้ ขอบอกว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีเซ็กซ์เต็มรูปแบบนี่นา แค่กอดจูบลูบไล้สำรวจกายกันก็เกินพอแล้ว เพราะฉะนั้นหาที่ลับตาพอประมาณแล้วสร้างความตื่นเต้นซะ

10. ระวังน้ำหนักการศึกษาของมหาวิทยาลัยทัฟท์ในสหรัฐฯ พบว่าผู้หญิงที่ยกน้ำหนักสัปดาห์ละสองครั้งนานหนึ่งปีจะรู้สึกอ่อนเยาว์ลงไป 15-20 ปี ดังนั้นลองทำดูที่บ้านก็ได้ เพื่อจะได้มีหุ่นเซ็กซี่ มีกล้ามเนื้อเป็นสาวปราดเปรียวไงล่ะ

11. ฟื้นฟูความเป็นเด็กที่แฝงเร้นพออายุมากขึ้นเราสร้างเกราะขึ้นมาปกป้องความเป็นเด็กในตัวเรา ให้คุยกับพ่อแม่ว่าสมัยเด็กคุณเป็นไงแล้วหาเวลาถ่ายรูปตัวเองตอนนี้ดู จากนั้นหลับตานึกภาพสมัยวัยเด็กเตือนตัวเองว่าคุณยังมีคุณสมบัติวัยเด็กแบบที่เคยมี ทำแบบนี้จะช่วยปลุกความรู้สึกเหล่านั้นขึ้นมาได้อีกครั้ง

12. ใส่สีสันสดใสการเปลี่ยนสีสันเสื้อผ้าที่ใส่ทำให้คุณอ่อนเยาว์ลงได้ ถ้าใช้สีที่เหมาะเหม็งจะช่วยลบถุงพองใต้ตาไปได้อย่างไม่นาเชื่อ ลองเอาสีสดใสที่ชอบทาบใบหน้าดูสิว่าถุงนั้นหายไปหรือไม่

13. เรียนรู้จากเด็กเวลาเด็กเล็กๆ ละเล่นกันมักเน้นทีละอย่างและหมกมุ่นกับสิ่งนั้น ลองปล่อยตัวไปกับการละเล่นแบบเด็กๆ ดูบ้าง (ยืมลูกเพื่อนมาก็ได้) ปล่อยตัวเต็มที่แล้วจะมีพฤติกรรมขี้เล่นมากขึ้น จำไว้ว่าเด็กไม่ได้ลอง พวกแกลุยไปเลย ถ้าคุณผ่อนคลายกับการเป็นตัวตนของตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องทำท่าเป็นเด็ก เพราะมันจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

14. ดื่มให้อ่อนเยาว์ไม่ได้หมายถึงแอลกฮอล์ แต่หมายถึงหมายถึงเครื่องดื่มโปรตีนที่พึงดื่ม อาศัยเครื่องปั่นก็ปรุงรสอร่อยได้ เช่น สมูธตี้เบอร์รีหรือมะม่วงผสมแครทซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกอ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์กาล เพราะมีส่วนผสมฟื้นฟูร่างกายสูง ผสมบลูเบอร์รีกับกล้วยและนมกับน้ำผึ้งปั่นเข้าด้วยกันก็ได้

15. กำจัดสารพิษขั้นตอนสำคัญในการผกผันกระบวนการความแก่คือกำจัดสารพิษจากชีวิตทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์อันไม่น่าพึงพอใจ สัมพันธ์ย่ำแย่ อาหารไม่ดีต่อสุขภาพ หรืออารมณ์ในทางลบซึ่งดูดความมีชีวิตไปจากตัวคุณ ดูสิว่าอะไรเป็นพิษแล้วรีบกำจัดมันซะ

16. เล่นเลียนแบบเด็กๆ ชอบเลียนแบบ ดังนั้นให้เลียนแบบคนที่คุณชื่นชมหรือเห็นว่าตลกดี จะปลดปล่อยคุณจากการเป็นตัวตนและจำไว้ว่าอย่าลืมหัวเราะตอนทำด้วยก็แล้วกัน

17. ร้องเพลงให้สุดเสียงการร้องเพลงมีประโยชน์ทางจิตเพราะชักพาคุณไปอีกโลกและหยุดยั้งไม่ให้คิดถึงเรื่องซ้ำซากน่าเบื่อ การร้องเพลงเติบพลังให้คุณ เพราะเพิ่มระดับอ็อกซิเจนในร่างกาย ชวนเพื่อนมาร้องด้วยก็ได้

18. ลืมความรับผิดชอบซะหาคนอื่นมาคุมแทนแค่สักสองนาทีก็ได้ ช่วยให้รูปแบบสมองคุณหายรกเรื้อไปสักครู่และทำให้รู้สึกอ่อนเยาว์ขึ้น ขอให้แฟนอ่านนิทานให้คุณฟังก่อนนอนคุณจะรู้สึกอุ่นใจยิ่ง

19. เข้าร่วมละครสัตว์เด็กๆ กล้าบ้าบิ่นแต่เราผู้ใหญ่ถูกคุมโดยความกังวล การฝึกละครสัตว์ทำให้คุณต้องหวนกลับไปมีสภาพเป็นเด็ก ไว้ใจกับเชือกหนึ่งเส้นซึ่งเป็นสัญชาตญาณที่เราสลัดทิ้งไปเมื่อโตขึ้น แต่ถ้าคุณใช้ความรู้สึกตอนฝึกคุณจะคิดว่าตัวเองสามารถทำอะไรทุกอย่างในโลกนี้ได้หมดไม่ยั่น

20. จดบันทึกพวกเราส่วนใหญ่ยอมรับว่าการจดบันทึกมีแต่เรื่องรักๆของวัยรุ่น แต่ที่จริงเป็นการระบายความรู้สึก ดังนั้นอย่างเขินที่จะเริ่มต้นจดบันทึกประจำวันอย่างเปิดใจและซื่อตรงกับตนเอง เวลามาอ่านซ้ำสองปีหลังคุณอาจหัวเราะขำและรู้สึกอ่อนเยาว์มากขึ้นได้